วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เทคนิคหาหุ้น 10 เด้ง แบบ Rakesh Jhunjhunwala เจ้าของฉายา Warren Buffet แห่ง India


จากเงินลงทุนในครั้งแรกเพียง 100 เหรียญ เมื่อปี 1985 ผ่านไป 30 ปี ตอนนี้ เขามีทรัพย์สินมากกว่า 1000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ในนิตยสาร Forbes ปี 2010 เขาติดอันดับคนที่รวยที่สุดในอินเดีย อันดับ 51 และ อันดับโลกที่ 1062 และนี่คือกฎการลงทุนของ Rakesh

Tip No. 1: Don’t Look For Multi-baggers
เขียนไม่ผิดครับ เทคนิคแรกสำหรับการมองหาหุ้นสิบเด้ง ก็คือ “อย่ามองหาหุ้นสิบเด้ง”
Rakesh บอกว่า อย่ายึดติดว่าเราจะต้องซื้อหุ้น 2 เด้ง 3 เด้งหรือ 10 เด้งเท่านั้น เราเพียงแค่ต้องทำการบ้าน โดยการหาหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีการเติบโตในอนาคต พอร์ตของคุณก็จะเติบโตหลายเด้งเองเมื่อเวลาผ่านไป

Tip No. 2: Don’t Look for Profits; Look For Sources Of Profits
“อย่ามองที่กำไร จงมองหาแหล่งที่มาของกำไร”
Rakesh ให้ข้อคิดที่ว่านักลงทุนทั่วไป มักจะยึดติดเกินไปกับยอดขายและกำไรรายไตรมาสและ Focus กำไรในระยะสั้นๆ ซึ่งนั่นอาจทำให้เราหลุดจากการมองภาพใหญ่ได้ Rakesh แนะนำว่าให้ใส่ใจแหล่งที่มาของกำไร ปัจจัยอะไรที่จะทำให้กำไรของบริษัทสามารถเติบโตได้ในระยะยาว
Tip No. 3: Forget ‘Large Cap, Small Cap’ Nonsense – Look For Scalability Of Operations:
เลิกสนใจว่าเป็นหุ้นใหญ่ หรือหุ้นเล็กซะ มันไร้สาระมาก! จงมองหาสิ่งที่มันเติบโตได้ต่างหาก

Tip No. 4: Give it Time, Be Patient:
จงอดทนและให้เวลามันได้เติบโต

Tip No. 5: Don’t get carried away by short-term aberrations:
อย่าใส่ใจมากนักกับการเบี่ยงเบนในระยะสั้น
นักลงทุนทั่วไปมักสนใจแนวโน้มระยะสั้น เช่นผลประกอบการรายไตรมาส แต่ Rakesh มักไม่ให้ความสนใจ
มากนักกับผลประกอบการรายไตรมาส ส่งที่เขาจะทำคือ การมองหาแนวโน้มผลประกอบการในระยะยาว

Tip No. 6: Invest in a business that you can understand:
จงลงทุนในธุรกิจที่คุณเข้าใจ

Tip No. 7: Don’t worry about the macro stuff like fiscal deficit, inflation etc which are unknowable. Focus on what is knowable:
อย่ากังวลกับปัจจัยมหภาคมากนัก เช่น การขาดดุลการคลัง เงินเฟ้อ อื่นๆที่ไม่สามารถรู้ได้ จงสนใจกับสิ่งทีสามารถรู้ได้
Rakesh แนะนำว่า อย่าสนใจกับสิ่งที่ไม่สามารถรู้ได้ หรือถึงจะรู้ ก็ไม่สามารถทำอะไรได้อยู่ดี แต่จงมุ่งมั่นทุ่มเทพลังงานของคุณทั้งหมดไปกับสิ่งที่คุณสามารถเรียนรู้ได้ดีเพียงพอ เช่น ธุรกิจของบริษัทที่คุณลงทุน

Tip No. 8 : Don’t Try To Time The Market:
อย่าจับจังหวะตลาด
อย่าจับจังหวะตลาด เพราะคุณจะไม่สามารถหาจุดต่ำสุดของตลาดได้ ถ้าคุณหาหุ้นที่ถูกเมื่อเทียบกับมูลค่าแท้จริง จงซื้อมันซะ!

Tip No. 9 : If it’s cheap, buy it- Don’t pass up something cheap today in the hope that it will get cheaper tomorrow:
ถ้ามันถูกก็ซื้อมันซะ อย่าปล่อยให้ ความคิดที่ว่า ราคาพรุ่งนี้อาจถูกกว่าวันนี้ ทำให้คุณพลาดโอกาสดีๆไป
ถ้าคุณเห็นโอกาสในวันนี้ จงคว้ามันไว้ซะ! โอกาสดีเยี่ยมหลายครั้งหลุดลอยไปเพียงเพราะการผลัดวันประกันพรุ่ง

Tip No. 10 : Don’t buy stocks that have a fixed return:
อย่าซื้อหุ้นที่มีรายได้คงที่
คำแนะนำอันนี้ ตอนแรกดูเหมือนเรื่องตลก แต่พบว่า นักลงทุนส่วนใหญ่กับมองข้ามข้อแนะนำนี้
Rakesh ยกตัวอย่างหุ้นจำพวกนี้ ได้แก่ หุ้นไฟฟ้าหรือสาธารณูปโภค ที่ไม่สามารถที่จะมีกำไรมากกว่าที่กฏหมายกำหนดไว้เท่านั้น

Tip No. 11: Ride your winners!!
ปล่อยให้หุ้นวิ่งทำกำไร
Rakesh แนะนำว่า อย่าขายหุ้นสิบเด้งของคุณทิ้งไปเพียงเพราะคุณคิดว่าหุ้นสิบเด้งของวันนี้จะไม่สามารถเป็นหุ้นยี่สิบเด้งได้ในวันพรุ่งนี้

Tip No. 12: Concentrate, concentrate & concentrate!!
เน้น เน้น และเน้นเท่านั้น
Rakesh แนะนำให้ลงทุนในสิ่งที่เรามั่นใจเท่านั้น เค้าไม่สนใจการกระจายความเสี่ยงในหุ้นหลายตัวเพียงเพราะต้องการปกป้องพอร์ต
 
Credit: kotaro thaivi

ตามหาหุ้น 10 เด้ง

หลายวันก่อนผมดู clip หนึ่งของ ดร. นิเวศน์ (clip วิชาน่ะครับ ^ ^) เขาไปสอนหนังสือที่สถาบันหนึ่งซึ่งน่าจะนานแล้ว แต่ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่านอกจาก CPALL และ HMPRO ที่เคยถืออยู่ กูรู VI ท่านนี้ยังเคยลงทุนใน BIGC CPN ROBINS หรือแม้แต่ CENTEL พูดง่ายๆกว่าหุ้นแนวนี้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นค้าปลีกแกกวาดหมด แสดงว่าอุตสาหกรรมนี้เป็นความถนัดของแก

ดร. นิเวศน์เคยบอกว่า สาเหตุที่ซื้อหุ้น CPALL เพราะไปดูในต่างประเทศว่าแล้วพบว่า sector นี้ในต่างประเทศใหญ่มาก โดยดูจาก market cap แต่เมืองไทยเล็กนิดเดียว ดังนั้นโอกาสโตยังมีอีกมากในตอนนั้น ขีดเส้นใต้ตรงคำว่า ‘โอกาสโตยังมีอีกมาก’
คำนี้สำคัญมาก หุ้น 10 เด้งไม่ได้มาจากการดูอัตราส่วนทางการเงินแน่ๆ เช่น ถ้าคุณเห็นหุ้นมี P/E ต่ำมาก โดยที่กิจการน่าจะยังโตได้เลยซื้อไว้ คุณก็มีโอกาสได้กำไร ‘เกินตลาด’ แต่ไม่มีทางได้ 10 เด้งด้วยวิธีนี้
กำไร 10 เท่าส่วนใหญ่เกิดจาก ‘วิสัยทัศน์’ ของนักลงทุน ดังนั้นเป็นเรื่องที่สอนกันยากมาก ต้องเข้าใจโลกพอสมควร ผมเองก็ไม่ได้มีความสามารถด้านนี้เหมือนกัน แต่อยากจะเสนอว่า หุ้น 10 เด้งน่าจะมีคุณสมบัติดังนี้

1. ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นสาขา เริ่มต้นจากน้อยๆก่อน และจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว และในที่สุดต้องเปิดได้ทั้งประเทศไม่ใช่มีข้อจำกัด หุ้นแบบนี้ในอดีตมีหลายตัว หลังๆไม่ค่อยมี แต่ก็ยังอุตส่าห์มี BEAUTY หลุดมา แต่หุ้นเปิดสาขาประเภทร้านอาหารมักจะไม่ใช่ เพราะมีคู่แข่งมาก ความยากอยู่ที่จะรู้ได้ยังไงว่า หุ้นเปิดสาขาแบบไหน work หรือไม่ work

2. หุ้นที่โตอย่างมีอัตราเร่งตามระดับของการพัฒนาประเทศ หลักการมันคือถ้าระดับของรายได้ประชาชาติต่อหัว (GNI per capita) เพิ่มขึ้นถึงจุดหนึ่ง ความต้องการสินค้าและบริการบางอย่างจะเพิ่มขึ้นเร็วมาก เช่น ประกันภัยรถยนต์ ประกันชีวิต และการบิน 

3. อยู่ในอภิมหาแนวโน้ม (Megatrend) เช่น สังคมผู้สูงอายุ ทำให้หุ้น Healthcare ขายดี ถ้าจะลงทุนในแนวนี้ต้องขยันอ่านข่าวนิดนึง จับกระแสให้ได้ เพราะถ้าคุณเห็นทีหลังอาจจะกลายเป็นเหยื่อของตลาด เช่น พลังงานทดแทน สำหรับหุ้น megatrend ผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องหา ‘ผู้ชนะ’ เหมือนหุ้นกลุ่มแรก เพราะผู้เกี่ยวข้องที่มีความแข็งแรงพอสมควรน่าจะโตได้ดีเกือบทั้งหมด

4. ส่วนใหญ่ไม่ใช่หุ้น 10 เด้ง ในอดีต ยอมรับเถอะว่า ถ้าคุณซื้อ AOT หรือ CPN CPALL ในตอนนี้ โอกาสที่คุณจะได้ 10 เท่าในอนาคตเป็นไปได้ยาก หรือแม้แต่ BDMS ซึ่งน่าจะยังได้อยู่เพราะการแพทย์เป็น super-megatrend แต่ต้องรอนานมากเพราะกำไรโตไม่ทันราคาที่ขึ้นไปรอก่อนแล้ว
 
อาจจะมีหุ้นบางตัวที่แปลกประหลาดไม่รู้มัน 10 เด้งได้ยังไง อันนี้ก็ต้องปล่อยไปครับ คนจะได้จากหุ้นพวกนี้อาจจะช่างสังเกตมาก วงในมาก และต้องเก่งเก็งกำไรนิดนึง เช่น คิดว่าคนจีน 10% จะกินสาหร่ายของ TKN หรือรู้ว่าแผงวงจรบ้านๆของ KCE จะขายดี
ผมเองก็แสวงหาหุ้น 10 เด้งอยู่เหมือนกัน แต่ยอมรับเลยว่าผมไม่ค่อยเข้าใจหุ้นกลุ่มที่ 1 เท่าไหร่นัก ตัวอย่าง เช่น BEAUTY ผมเห็นในต่างจังหวัดไม่ค่อยมีลูกค้าเลย เปิดมากกลัวเขาเจ๊ง ผมเลยซื้อและถืออยู่แป๊บเดียว แม้แต่ CPALL ผมก็เคยถืออยู่ช่วงหนึ่ง แล้วเห็นว่ามีจำนวนสาขา 7-11 เยอะมาก นึกว่าอิ่มตัวแล้ว

หลังๆผมพยายามทำเข้าใจหุ้นกลุ่มที่ 2 และ 3 ให้มากขึ้น โดยลงทุนไปบ้างแล้ว ตอนนี้ในพอร์ตผมเกิน 60% เป็นหุ้น megatrend อะไรซักอย่างหนึ่ง ตามที่เคยแจกแจงให้ดู ซื้อแล้วรอสถานเดียว จะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องถึกทน แต่ข้อดีคือมีเวลามาฝอยให้พวกท่านอ่านไงครับ
ตอนนี้ในบ้านเราเหลืออะไรเป็นหุ้นมีโอกาส 10 เด้งอยู่บ้าง ?

Credit: FB Money Works