วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ประเมินมูลค่าหุ้นโดยวิธี EV/EBITDA

ความหมายของ EV/EBITDA


EV = Enterprise Value = Market cap. + Net debt ครับ


EBITDA สื่อถึงเงินสดที่กิจการหาได้ในแต่ละปีก่อนจ่ายดอกเบี้ยและภาษี

Net debt ผมจำตายตัวไม่ได้ว่าใช้อะไร แต่ปกติผมจะดูงบแต่ละบริษัทแล้วใช้ค่าที่ผมคิดว่าเหมาะสมครับ แต่เอาง่ายๆ ผมใช้ Long term debt + Long term debt ที่จะครบกำหนดใน 1 ปี และหักด้วย cash in hand
แต่หาก current asset น้อยกว่า current liability ผมจะไม่เอา cash มาหักออกครับ

EV/EBITDA เป็นวิธีหาความถูกแพงของหุ้นคล้ายๆ การหา P/E แต่เป็นการลดข้อจำกัดของ P/E ตรงที่หุ้นหลายตัว earning ติดลบหา P/E ไม่ได้ แต่เนื่องจาก EBITDA คือการนำ earning บวกกลับด้วยค่าเสื่อมฯ ดอกเบี้ย ซึ่งปกติแล้วแม้ว่าบริษัทนั้นๆ จะขาดทุนเละยังไง EBITDA ก็มักจะยังเป็นบวกอยู่ได้
นอกจากนี้ EV/EBITDA ยังขจัดความแตกต่างของนโยบายทางบัญชีที่สำคัญเช่น ค่าเสื่อมราคา และความเหลื่อมล้ำของการจ่ายภาษีได้ ซึ่งจากการที่ค่าเสื่อมราคามีความสำคัญมากสำหรับหุ้นที่ใช้เครื่องจักรสูง ดังนั้นหุ้นที่ทำธุรกิจภาคการผลิต นักวิเคราะห์และผู้ลงทุนจึงมักจะใช้ EV/EBITDA ในการหาความถูกแพงของหุ้นมากกว่า P/E เพราะหลายครั้ง p/e ทำให้เกิดการ misleading ได้

นอกจากนี้ EV/EBITDA จะพิจารณาระดับหนี้สินของบริษัทด้วยในขณะที่ P/e ก็มีผลจากหนี้สินบ้างแต่ยังไม่มากเท่า ev/ebitda ครับ

เนื่องจากหากเราจะซื้อกิจการอะไร เราคงต้องดูว่าเราจะต้องซื้อในราคาเท่าไหร่ ซึ่งก็คือ mkt cap และต้องดูว่าเราต้องรับภาระหนี้ของกิจการเท่าไหร่ ซึ่งก็คือ net debt ดังนั้น EV ก็คือมูลค่ากิจการทั้งหมดที่เราซื้อครับ ส่วน EBITDA คือกระแสเงินสดจากกิจการก่อนภาษีและดอกเบี้ย ก็เป็นเครื่องดูหยาบๆ ว่า EV/EBITDA คือจำนวนปีที่เราซื้อกิจการนั้นแล้วจะคืนทุน

ถ้าจะเอาจำนวนปีที่คุ้มทุน exactly จริงๆ คงต้องใช้ ratio EV / FCF ครับ
FCF = Earning before depre and amort. ( EBDA ) - Capital expenditure

ตัวอย่างการคำนวณ

จะซื้อกิจการ A ทั้งบริษัท
จำนวนหุ้นทั้งหมด 2.9 ล้านหุ้น
หุ้นละ 335 บาท
ต้องใช้เงิน
2.9ล* 335 = 957 ล้านบาท <--- Market Cap หรือมูลค่าตลาดนั่นเอง

ดู Balance sheet แล้วมีเจ้าหนี้ทุกประเภทรวม
916 ล้านบาท

อยากเป็นเถ้าแก่คนเดียว (แปลงบริษัท เป็น Enterprise) ก็ต้องกำเงินสดๆ มาซื้อแล้วจ่ายหนี้ทั้งหมด ต้องใช้เงินสดรวม
= 957+916 = 1,873 ล้านบาท

แต่ว่าไปเช็คดู มีเงินสดอยู่มั่งแล้ว ลดต้นทุนไปอีก
เงินสด และเทียบเท่าเงินสดในงบ
89 ล้านบาท

Enterprise Value หรือมูลค่ากิจการ
คือมูลค่าเงินสด ที่ต้องใช้ในการเป็นเจ้าของการเด็ดขาดแต่ผู้เดียว (take over -> Enterprise)
= 1,873 - 89
= 1,783 ล้านบาท

แปลว่า เงินสดมีอยู่มาก ก็ยิ่งใช้เงินน้อย หรือยิ่งได้กิจการของถูกน่าซื้อ
เอา EV ไปหารด้วย EBITDA ก็จะคล้าย P/E
แต่หนนี้ ไม่มีตัวเลขมูลค่ารายได้ทางบัญชีมาตบตา แต่เป็นเงินสดล้วนๆ

EV/EBITDA ยิ่งต่ำ ก็ได้ของถูก อีหรอบเดียวกะ P/E

ก็คือ เงินที่ควักไปเป็นเงินสดๆ จะคุ้มภายในกี่ปี เมื่อเทียบกับกำไรที่เป็นเงินสดๆ เหมือนกัน

ไปพลิกดู EBITDA 194.9 ล้านบาท
EV/EBITDA ของบริษัทนี้
= 1,783/194.9
= 9.15 เท่า

ใช้เวลา 9.15 ปีในการคืนทุนที่เพิ่งควักไป

ข้างบน
เปลี่ยนคำว่า "จะซื้อกิจการกิจการ A " เป็น "จะซื้อ ปตท."
และเปลี่ยนคำว่า ล้านบาท เป็น พันล.บ. , ล้านหุ้น เป็นพันล.หุ้น

ข้างบนคือการหา EV หรือ Enterprise Value ของปตท ณ ราคาปิด เมื่อเย็น และ EV/EBITDA งบที่แสดงล่าสุด