วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2557

กฎการลงทุน 15 ข้อของ ฟิลลิป ฟิชเชอร์ (PHILIP A. FISHER)

1. บริษัทนี้สินค้า หรือบริการที่มีศักยภาพทางการตลาด ที่สามารถทำยอดขายให้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในอีกหลายๆปีข้างหน้าได้หรือไม่
2. ผู้บริหารของบริษัทมีแนวทางในการพัฒนาสินค้าใหม่ หรือกระบวนการใหม่ๆที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพในการขายสินค้า/บริการ ในขณะที่สินค้าชนิดเดิมก็ยังคงมีศักยภาพในการเติบโตที่สูง
3. การวิจัยและพัฒนาของบริษัทมีประสิทธิภาพมากแค่ไหนเมื่อเทียบกับขนาดของบริษัท (โดยเฉพาะหากอยู่ในอุตสาหกรรมที่เน้นการเติบโตด้วยนวัตกรรม)
4. บริษัทนี้มีหน่วยงานขายที่อยู่สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานหรือไม่ ดูจากการเติบโตที่ต่อเนื่องมั่นคง
5. บริษัทนี้มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงหรือไม่ อัตรากำไรสุทธิที่สูงหรือไม่ มาจากการดำเนินงานปกติหรือไม่
6. บริษัทมีกลยุทธ์อะไรในการรักษาหรือเพิ่มกำไรขั้นต้นให้สูงขึ้น เพิ่มยอดขายให้สูงขึ้นกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรม
7. บริษัทมีหน่วยงานแรงงานสัมพันธ์ที่ดีหรือไม่ (ถ้ามี) สหพันธ์แรงงานดูว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน หรือมักมีการเรียกร้องบ่อยๆ
8. ผู้บริหารภายในบริษัทมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันหรือไม่ แตกแยกเป็นกลุ่มๆ ไหม
9. การจัดการของบริษัทมีความซับซ้อนหรือไม่
10. บริษัทมีการวิเคราะห์และควบคุมต้นทุน และบัญชีดีเพียงใด
11. บริษัทมีแนวทางในการสร้างความแตกต่างของสินค้าและบริการเมื่อเทียบกับคู่แข่งขันอย่างไร
12. บริษัทมีมุมมองทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่อการทำกำไรของบริษัทอย่างไร
13. ในอนาคตที่ไม่มีอะไรแน่นอนนั้น หากบริษัทต้องการเงินทุนด้วยการระดมทุนเพิ่มเพื่อสร้างการเติบโตให้สูงขึ้น บริษัทได้พิจารณาถึงผลกระทบราคาจากการที่มีหุ้นเพิ่มสูงขึ้น ว่าจะกระทบผลประโยชน์ผู้ถือหุ้นมากน้อยอย่างไร
14. ให้สังเกตดูว่า ในเวลาที่กิจการไปได้ดี ผู้บริหารของบริษัทยินดีที่จะพูดคุยตรงไปตรง มากับนักลงทุน แต่ในยามที่มีเหตุการณ์เลวร้าย ผู้บริหารจะหายตัวไป ไม่พูดคุยหรือไม่
15. มีผู้บริหารของบริษัทซื่อสัตย์หรือมีธรรมาภิบาลหรือไม่
check list ว่าหุ้นที่ถืออยู่มีซักกี่ข้อ ได้ 80% ไหม หลายข้อบอกได้งบการเงิน การวิเคาห์อัตราส่วนหลายๆปี เช่น บริษัทมีการวิเคราะห์และควบคุมต้นทุน และบัญชีดีเพียงใด กิจการที่มีการควบคุมต้นทุนและมีระบบบัญชีทีดี ถ้าวิเคราะ์เป็นอ่านอัตราส่วนเป็น ตัวเลขบอกได้ เรื่องเหล่านี่รู้สึกเอาหรือฟังจากผู้บริหารไม่ได้ ไม่เคยมีใครบอกว่าระบบบัญชีตัวเองแย่ครับ

Cr.Sanpong Limthamrongkul

วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2557

วาทะเซียนหุ้น : ว่าด้วยการบริหารความเสี่ยงในการเล่นหุ้น

วาทะเซียนหุ้น : ว่าด้วยการบริหารความเสี่ยงในการเล่นหุ้น
พอดีวันนี้กะจะอัพเดทหน้าต่าง Trading Wisdom ในเวบเสียหน่อย ผมนำเอาวาทะคำคมจากเซียนหุ้นหลายๆคนมาฝากกัน เรามาดูกันว่าบรรดาเซียนหุ้นระดับโลกอย่างนี้ เขามีทัศนะต่อการเล่นหุ้นและการควบคุมความเสี่ยงของพวกเขาอย่างไรกันบ้างดีกว่าครับ
Paul Tudor Jones
ในการที่จะทำกำไรสะสมก้อนใหญ่ขึ้นมาได้นั้น คุณต้องเรียนรู้ที่จะขาดทุนสะสมทีละน้อยกว่านั้นมากๆ เมื่อคุณเล่นผิดทางให้ได้เสียก่อน
ผลจากการซื้อขายสัญญาฝ้ายในครั้งนั้นคือจุดเปลี่ยนของชีวิตผม เพราะผมได้มาถึงในจุดที่ผมพูดกับตัวเองว่า “ไอ้โง่เอ๋ย ทำไมแกต้องเสี่ยงทุกอย่างที่แกมีในการซื้อขายเพียงแค่ครั้งเดียววะ? ทำไมแกไม่แสวงหาความสุขให้กับชีวิตแทนที่จะเป็นความเจ็บปวดเล่า
ผมมักจะคิดถึงแต่เรื่องที่จะขาดทุนเท่าไหร่ มากกว่าจะได้กำไรเท่าไหร่อยู่เสมอ จงอย่าคิดแต่จะทำกำไร แต่จงคิดว่าทำอย่างไรจึงจะปกป้องเงินทุนที่มีอยู่ให้ได้เสียก่อน
ผมพูดอยู่เสมอว่าปรัชญาการลงทุนของผม คือการแบกรับความเสี่ยงอย่างบางเบา ผมจะมองหาโอกาสที่มีอัตราส่วนระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยงเป็นอย่างสูงเท่านั้น คุณไม่ควรจะต้องเจ็บตัวจนเข้าเนื้อในการลงทุน นั่นหมายความว่ามันไม่มีความจำเป็นที่คุณจะต้องเดิมพันอย่างมากมาย มันไม่มีเหตุผลที่คุณจะต้องแบกรับความเสี่ยงจนมากเกินไปเลยสักครั้ง เพราะคุณควรจะสามารถมองหาโอกาศที่มีอัตราส่วนระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยงที่ต่างกันอย่างมากได้ ซึ่งนั่นจะทำให้คุณสามารถที่จะกระจายการลงทุนไปยังโอกาศเหล่านี้ โดยแบกรับความเจ็บปวดเพียงน้อยนิดพร้อมกับผลตอบแทนที่สูงที่สุดนั่นเอง
คุณต้องรู้จักปรับสภาพ, วิวัฒนาการ, ต่อสู้ หรือไม่ก็ตายไปจากตลาดหุ้น
Larry Hite
หากว่าคุณไม่จัดการกับความเสี่ยงอย่างจริงจัง มันจะจัดการคุณแทน
พูดตามตรง ผมมองไม่เห็นตลาด ผมมองเห็นแต่ความเสี่ยง ผลตอบแทนและเงินของผม
เราเล่นกับตลาดในมุมกลับ สิ่งแรกที่เราถามไม่ใช่ว่าเราจะสามารถทำกำไรได้เท่าไหร่ แต่เราจะเสียมากเท่าไหร่ต่างหาก เราเล่นเกมรับเสมอ
ข้อดีที่สุดอย่างหนึ่งของตลาดหุ้นก็คือ … มันไม่สนใจว่าคุณเป็นใคร ตลาดไม่สนใจว่าคุณจะผิวสีอะไร ตลาดไม่สนใจว่าคุณจะเตี้ยหรือสูง มันไม่เคยสนใจอะไรสักอย่างเดียว และไม่เคยสนใจว่าคุณจะอยู่หรือไปอีกด้วย
ลักษณะของการเดิมพันนั้นมีอยู่สี่ประเภท นั่นก็คือ การเดิมพันที่ดี, การเดิมพันที่แย่, การเดิมพันที่คุณชนะ และการเดิมพันที่คุณแพ้ อย่างไรก็ตาม การชนะและได้กำไรจากการเดิมพันที่แย่ของคุณคือสิ่งที่อันตรายที่สุด เพราะความสำเร็จจากการเดิมพันลักษณะนี้จะผลักดันให้คุณกล้าเล่นในเดิมพันลักษณะนี้มากยิ่งขึ้นในอนาคต แน่นอนว่าคุณอาจขาดทุนจากการเดิมพันที่ดีไปก็ได้ แต่หากว่าคุณยังคงเลือกที่จะเล่นในการเดิมพันที่ดีต่อไป เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆนั้น กฏของค่าเฉลี่ยจะคอยรับใช้เงินของคุณเอง
Marty Schwartz
เมื่อไหร่ที่ผมเล่นชนะตลาด ผมจะพูดกับตัวเองว่า “ฝีมือตรูเอง แต่ถ้าผมแพ้ผมจะหนีออกมา เพราะผมต้องการที่จะปกป้องเงินของผมไว้ เพื่อที่จะเอาไว้ซื้อหุ้นในครั้งต่อไป
คุณต้องเรียนรู้ที่จะตัดขาดทุน สิ่งที่สำคัญที่สุดในการที่จะทำกำไรได้นั้น คือการไม่ปล่อยให้การขาดทุนของคุณมันบานเบอะออกไป

Bruce Kovner
ไมเคิล มาร์คัส (สุดยอดเซียนหุ้นคนหนึ่ง) ได้สอนให้ผมรู้จักกับสิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือ : คุณต้องรู้จักยินดีที่จะทำผิดพลาดอยู่เป็นประจำ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่ผิด ไมเคิลสอนผมเกี่ยวกับการตัดสินใจให้ดีที่สุด และผิดพลาด, ตัดสินใจให้ดีที่สุดอีกครั้ง และผิดพลาด และตัดสินใจให้ดีที่สุดเป็นครั้งที่สาม และทำกำไรของคุณสักหนึ่งเด้ง!
Randy Mckay
เมื่อไหร่ที่ผมเจ็บตัวจากตลาด ผมจะหนีออกมา มันไม่สำคัญหรอกว่ามันจะซื้อขายกันอยู่ที่เท่าไหร่ ยังไงเสียผมก็จะหนีออกมา เพราะผมเชื่อว่าเมื่อไหร่ที่คุณเจ็บตัวในตลาด การตัดสินใจของคุณจะย่ำแย่กว่าตอนที่คุณสบายดีเป็นอย่างมาก และหากว่าคุณยังคงติดหนึบอยู่กับตลาดในขณะที่มันวิ่งสวนทางกับคุณ ไม่ช้าไม่นานมันก็จะพาคุณออกจากตลาดไปเอง
Tom Basso
ผมคิดว่าจิตวิทยาการลงทุนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ตามมาด้วยการควบคุมความเสี่ยง และสิ่งที่สำคัญน้อยที่สุดก็คือคำถามที่ว่า คุณจะซื้อหรือขายตอนไหนเท่าไหร่ดี
Victor Sperandeo
กุญแจสำคัญของความสำเร็จในการเก็งกำไรคือ “วินัยการลงทุน” เพราะหากว่าความฉลาดของคุณคือกุญแจสำคัญจริงๆ มันก็คงจะมีคนจำนวนมากที่สามารถจะทำกำไรจากการเล่นหุ้นได้อีกเยอะ ผมเข้าใจว่ามันฟังดูน่าเบื่อ แต่สิ่งเดียวที่เป็นเหตุผลสำคัญที่สุดซึ่งทำให้หลายๆคนหมดตัวจากการเล่นหุ้นก็คือ พวกเขาไม่ยอมตัดขาดทุนอย่างรวดเร็ว
William O’Neil
ปรัชญาของผมก็คือ หุ้นทุกตัวนั้นแย่ มันไม่ใช่หุ้นที่ดีจนกว่ามันจะทำกำไรให้กับคุณ และหากว่ามันดันร่วงลงไปแทน คุณก็ควรที่จะตัดขาดทุนอย่างรวดเร็วเสีย
Monroe Trout
จงมั่นใจก่อนว่าคุณมีความได้เปรียบ และจงรู้ให้ดีก่อนว่าความได้เปรียบของคุณคืออะไร
Tony Saliba
ผมรู้ถึงความเสี่ยงของผมอยู่เป็นประจำ และผมก็ไม่จำเป็นต้องวิตกกับมันอีกต่อไป
Anonymous
คำว่า TIPS หรือหุ้นเด็ด เป็นการย่อคำจากคำว่า “Trading Is Position Sizing” หรือการเก็งกำไรคือการบริหารเงินทุนต่างหาก
ใครที่สนใจอยากอ่านเพิ่มเติมมากกว่านี้ ลองไปอ่านซีรี่ส์หนังสือหุ้นชื่อ The Market Wizard ของ Jack Schwager ดูนะครับ อาจจะได้ไอเดียอะไรดีๆเพิ่มเติมอีกมายมาย เป็นหนังสือขึ้นหิ้งของผมเช่นกัน :D