Accounting Analysis - สรุปความจากหนังสือ Business Analysis & Valuation บทที่ 3
ชื่อเต็มๆคือ Business Analysis & Valuation Using Financial Statements ตำราเทพของอาจารย์Palepu, Healy และ Bernard
เป็นอันว่าจบบทที่สามแต่เพียงเท่านี้ เจอกันครั้งหน้าที่บทที่สี่ เรื่อง Asset Analysis เลยครับ
เล่มที่อ่านเป็น Second Edition ซึ่งมันก็เก่าประมาณนึงแล้ว (ตอนนี้มันปาไปจะ 5th Edition แล้ว ถ้ามี PDF ก็ขอด้วยนะ จุ้บๆ) เนื้อหาอาจจะไม่อัพเดทบ้างอะไรบ้าง คนสรุปก็ไม่ได้เก่งบัญชี ผิดพลาดคลาดเคลื่อนประการใดก็ช่วยชี้แนะด้วยนะคร้าบ
ครั้งนี้เราจะมาต่อในเรื่อง Accounting Analysis ซึ่งมันอยูตรงส่วนที่เป็นกรอบสีน้ำเงินๆในรูปข้างล่างนี้
หลังจากที่เราได้ทำ Business Strategy Analysis (กล่องข้างบนตรงกลาง) เป็นที่เรียบร้อย รู้จักมักจี่กับธุรกิจของบริษัทที่เราสนใจเรียบร้อยแล้ว Accounting Analysis ก็คือการวิเคราะห์คุณภาพของงบการเงิน(อันเป็น input เข้ามาในกระบวนการทำงานของเรา ตามรูปข้างบนก็คือกล่องบนซ้าย)ว่าคุณภาพของมันดีเลวแค่ไหน เชื่อถือได้ประมาณใด การประมาณการและสมมุติฐานต่างๆในงบการเงินสอดคล้องกับกลยุทธของบริษัท(ที่อธิบายกันมาในบทที่2)แค่ไหน ปัจจัยที่มีผลกับคุณภาพของงบการเงินก็อย่างเช่น
- การเลือกประมาณการที่อาจจะมีวาระซ่อนเร้น เช่น ประมาณหนี้ให้ต่ำๆ หาวิธีทำให้กำไรทางบัญชีสูงๆ(ผู้บริหารจะได้โบนัสงามๆ นักลงทุนจะได้แห่มาซื้อหุ้น) หรือทำให้กำไรต่ำๆ(จะได้เสียภาษีน้อยๆ ลูกค้าจะได้ไม่มากดราคาเรา สหภาพแรงงานจะได้ไม่เรียกร้องอะไรมาก) เปิดเผยข้อมูลในหมายเหตุประกอบงบน้อยๆ (เดี๋ยวคู่แข่งเราจะรู้เยอะเกินไป)
- กฏข้อบังคับในการออกงบการเงิน ซึ่งบางครั้งทำให้ไม่สามารถสะท้อนภาพที่แท้จริงของธุรกิจออกมาได้
- การประมาณการที่ผิดพลาด
ขั้นตอนคร่าวๆในการทำ Accounting Analysis แบ่งเป็น 6 ขั้นตอนคือ
1.มองให้ออกว่าตัวเลขอะไรในงบการเงินมีความสำคัญกับกลยุทธของบริษัท ตัวอย่างในหนังสือก็เช่น
- ธุรกิจลีสซิ่ง à มูลค่าซากของสินทรัพย์ที่ปล่อยเช่า
- ธนาคาร à หนี้สงสัยจะสูญ
- ค้าปลีก à ตัวเลขสินค้าคงเหลือ
- ธุรกิจผลิตล้านแปด à ยอดคืนสินค้า ยอดเคลม สินค้าคงเหลือ ค่าR&D
(ตัวไหนก็แล้วแต่ว่าบริษัทใช้กลยุทธอะไรในการแข่งขัน)
2.แล้วบริษัทมีอิสระมากน้อยแค่ไหนในการคำนวณตัวเลขเหล่านั้น
ตัวเลขบางอย่างเช่นค่าใช้จ่ายในการวิจัย หรือในการทำการตลาด ค่าโฆษณา จะถูกบังคับให้บันทึกเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทำให้บางครั้งไม่สามารถสะท้อนภาพที่แท้จริงของบริษัทได้ เราก็อาจจะให้ความสำคัญกับตัวเลขพวกนี้ในงบการเงินน้อยลง(เพราะมันไม่เกิดประโยชน์อะไรนัก) หรือมองหาตัวเลขจากแหล่งอื่นๆที่พอจะใช้แทนกันได้
- ธุรกิจลีสซิ่ง à มูลค่าซากของสินทรัพย์ที่ปล่อยเช่า
- ธนาคาร à หนี้สงสัยจะสูญ
- ค้าปลีก à ตัวเลขสินค้าคงเหลือ
- ธุรกิจผลิตล้านแปด à ยอดคืนสินค้า ยอดเคลม สินค้าคงเหลือ ค่าR&D
(ตัวไหนก็แล้วแต่ว่าบริษัทใช้กลยุทธอะไรในการแข่งขัน)
2.แล้วบริษัทมีอิสระมากน้อยแค่ไหนในการคำนวณตัวเลขเหล่านั้น
ตัวเลขบางอย่างเช่นค่าใช้จ่ายในการวิจัย หรือในการทำการตลาด ค่าโฆษณา จะถูกบังคับให้บันทึกเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทำให้บางครั้งไม่สามารถสะท้อนภาพที่แท้จริงของบริษัทได้ เราก็อาจจะให้ความสำคัญกับตัวเลขพวกนี้ในงบการเงินน้อยลง(เพราะมันไม่เกิดประโยชน์อะไรนัก) หรือมองหาตัวเลขจากแหล่งอื่นๆที่พอจะใช้แทนกันได้
3.แล้วบริษัทใช้สมมุติฐานอะไรหรือประมาณการยังไงในการคำนวณตัวเลขเหล่านั้น
ภายในกรอบของความอิสระในการออกงบการเงิน(ตามข้อ2) บริษัทเลือกวิธีที่สะท้อนภาพความจริงที่สุดแล้ว หรือบริษัทเลือกวิธีประมาณการที่มีวาระซ่อนเร้นเพื่อปกปิดอะไรหรือเปล่า โดยเราอาจเปรียบเทียบสมมุติฐานหรือวิธีประมาณการกับงบการเงินของบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันว่าเหมือนหรือต่างกันยังไง หรือบริษัทมีการเปลี่ยนวิธีประมาณการหรือเปล่า ด้วยเหตุผลอะไร เหมาะสมหรือไม่ บริษัทมีแรงจูงใจอะไรให้บิดเบือนตัวเลขในงบการเงินหรือเปล่า (เช่น D/E ปริ่มๆแล้ว) หรือประมาณการต่างๆที่เคยทำไว้ในอดีตมันใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน มีadjustอะไรกันครึกโครมย้อนหลังหรือเปล่า
- มีรายการระหว่างกันมากน้อยแค่ไหน
ป.ล. ทั้งหมดทั้งปวงนี้ ไม่ได้บอกว่าถ้ามีสัญญาณเหล่านี้แล้วจะเลวไปเสียหมด บางครั้งอาจเกิดจากการเปลี่ยนกลยุทธของบริษัทก็ได้ แต่แค่ให้ตรวจสอบเพิ่มเติมแค่นั้น
ภายในกรอบของความอิสระในการออกงบการเงิน(ตามข้อ2) บริษัทเลือกวิธีที่สะท้อนภาพความจริงที่สุดแล้ว หรือบริษัทเลือกวิธีประมาณการที่มีวาระซ่อนเร้นเพื่อปกปิดอะไรหรือเปล่า โดยเราอาจเปรียบเทียบสมมุติฐานหรือวิธีประมาณการกับงบการเงินของบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันว่าเหมือนหรือต่างกันยังไง หรือบริษัทมีการเปลี่ยนวิธีประมาณการหรือเปล่า ด้วยเหตุผลอะไร เหมาะสมหรือไม่ บริษัทมีแรงจูงใจอะไรให้บิดเบือนตัวเลขในงบการเงินหรือเปล่า (เช่น D/E ปริ่มๆแล้ว) หรือประมาณการต่างๆที่เคยทำไว้ในอดีตมันใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน มีadjustอะไรกันครึกโครมย้อนหลังหรือเปล่า
4.บริษัทเปิดเผยข้อมูลในหมายเหตุประกอบงบการเงินละเอียดพอหรือเปล่า
5.มองหาสัญญาณเตือนในงบการเงินที่ควรระวังและขุดคุ้ยเพิ่มเติม เช่น
- อยู่ดีๆก็เปลี่ยนวิธีประมาณการโดยไม่มีเหตุผลที่ดี
- อยู่ดีๆก็มีรายการประหลาดๆเกิดขึ้น
- ลูกหนี้เพิ่มเกินหน้าเกินตายอดขาย
อาจจะมีหนี้สูญหรือยอดคืนสินค้าระเบิดตูมตามมาในงวดถัดไป
อาจจะมีหนี้สูญหรือยอดคืนสินค้าระเบิดตูมตามมาในงวดถัดไป
- สินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้นเกินหน้าเกินตายอดขาย
อันนี้แล้วแต่กรณีไป เช่นถ้าสินค้าคงเหลือเพิ่มเยอะเกิน อาจจะขายไม่ออกแล้ว อาจจะต้องขายเลหลังถูกๆในอนาคตหรือเปล่า สินค้าระหว่างผลิตเพิ่มเยอะ อาจจะเพราะมองว่ามีโอกาสขายได้เยอะเลยเร่งผลิตหรือเปล่า วัตถุดิบเพิ่มขึ้นเยอะ เกิดจากความผิดพลาดในการสั่งซื้อหรือว่าเกิดปัญหาในการผลิตหรือเปล่า
อันนี้แล้วแต่กรณีไป เช่นถ้าสินค้าคงเหลือเพิ่มเยอะเกิน อาจจะขายไม่ออกแล้ว อาจจะต้องขายเลหลังถูกๆในอนาคตหรือเปล่า สินค้าระหว่างผลิตเพิ่มเยอะ อาจจะเพราะมองว่ามีโอกาสขายได้เยอะเลยเร่งผลิตหรือเปล่า วัตถุดิบเพิ่มขึ้นเยอะ เกิดจากความผิดพลาดในการสั่งซื้อหรือว่าเกิดปัญหาในการผลิตหรือเปล่า
- กำไรในงบกำไรขาดทุนกับ cash flow เริ่มจะห่างเหินกันเกินไป
แอบเปลี่ยนวิธีรับรู้รายได้หรือแต่งบัญชีเพื่อให้กำไรออกมางามๆหรือเปล่า
แอบเปลี่ยนวิธีรับรู้รายได้หรือแต่งบัญชีเพื่อให้กำไรออกมางามๆหรือเปล่า
- มีการ write-off ก้อนใหญ่ๆหรือเปล่า
- ทำธุรกิจวิธีแปลกๆเพื่อให้ตัวเลขทางบัญชีออกมางามๆหรือเปล่า
- มี gap ระหว่างงบรายไตรมาสกับงบปีมาก
งบรายไตรมาสอาจจะทำตัวเลขสวยๆ(เพราะการตรวจสอบเข้มข้นน้อยกว่างบปี) พองบปีออกมาตัวเลขต่างกับงบรายไตรมาสราวฟ้ากับเหวหรือเปล่า
งบรายไตรมาสอาจจะทำตัวเลขสวยๆ(เพราะการตรวจสอบเข้มข้นน้อยกว่างบปี) พองบปีออกมาตัวเลขต่างกับงบรายไตรมาสราวฟ้ากับเหวหรือเปล่า
- เปลี่ยนบริษัทผู้ตรวจบัญชีหรือเปล่า เปลี่ยนทำไม มีนัยยะอะไรหรือเปล่า
ป.ล. ทั้งหมดทั้งปวงนี้ ไม่ได้บอกว่าถ้ามีสัญญาณเหล่านี้แล้วจะเลวไปเสียหมด บางครั้งอาจเกิดจากการเปลี่ยนกลยุทธของบริษัทก็ได้ แต่แค่ให้ตรวจสอบเพิ่มเติมแค่นั้น
6.คำนวณตัวเลขในงบการเงินใหม่ถ้าจำเป็น
แถมท้ายแบบสั้นๆกับข้อควรระวังในการทำ accounting analysis 3 ข้อคือ
- conservative accounting ไม่ใช่เรื่องดี
งบการเงินที่ดีคืองบการเงินที่สะท้อนภาพของบริษัทตามความเป็นจริง ไม่ดีเกินไป ไม่แย่เกินไป
งบการเงินที่ดีคืองบการเงินที่สะท้อนภาพของบริษัทตามความเป็นจริง ไม่ดีเกินไป ไม่แย่เกินไป
- วิธีลงบัญชีที่แปลกกว่าบริษัทอื่นๆไม่ได้หมายความว่าผิดเสมอไป
บางครั้งอาจจะเป็นเพราะเค้าทำธุรกิจแปลกกว่าคนอื่นก็ได้
บางครั้งอาจจะเป็นเพราะเค้าทำธุรกิจแปลกกว่าคนอื่นก็ได้
- อย่ามองว่าการเปลี่ยนวิธีลงงบการเงินหมายความว่าบริษัทกำลังแต่งบัญชีเสมอไป
บางครั้งมันก็มีเหตุผลที่สมควร
บางครั้งมันก็มีเหตุผลที่สมควร