วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2557

Organic Growth


คือการเติบโตของบริษัทที่เติบโต้วยทรัพยากรหรือสินทรัพย์ที่มีอยู่ของบริษัท (Organic growth is growth that comes from a company's existing businesses) เป็นการเจริญเติบโตที่มาจากธุรกิจหลักของบริษัท ซึ่งอยู่ที่ผู้บริหารจะนำทรัพยากรภายในบริษัทมาทำให้กำไรได้ขนาดไหน ซึ่ง Organic Growth จะไม่รวมการเติบโตที่มาจากการควบรวมกิจการอื่น ในด้านของบริษัทจะแบ่งการเติบโตออกเป็น 2 ส่วน คือ Organic Growth กับ Non-Organic Growth โดย Organic Growth สามารถแบ่งเป็น 2 ส่วนได้อีก คือสินค้าเดิม ลูกค้าเดิม หรือสินค้าเดิม ลูกค้าใหม่ Organic Growth ที่ดีหรือผู้บริหารที่เก่งควรต้องโตเร็วกว่าตลาด การเติบโตแบบ Organic Growth เป็นการเติบโตที่ปลอดภัยและมั่นใจได้มากกว่าการเติบโตด้วยการหันเข้าสู่ ธุรกิจใหม่ๆ (non-organic) Organic Growth จะมีการใช้สิ่งที่บริษัทมีอยู่แล้วรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งให้เป็นประโยชน์ เช่น ฐานลูกค้ากลุ่มเดิมแต่เพิ่มการบริโภคให้มากขึ้น (Re-used strategy) หรือสินค้าเดิมแต่ขยายฐานลูกค้าออกไป เป็นต้น นั่นคือใช้ฐานลูกค้าเดิมที่มีอยู่หรือใช้ฐานสินค้าเดิม คนที่เรียนด้าน Strategic Managemnt จะรู้จักคำว่า Red-Ocean Strategy การเติบโตด้าน Organic Growth จะอยู่ใน Red-Ocean Strategy ส่วน Non-Organic Growth ในด้าน Strategic Managemnt คือการเติบโตในการขยายธุรกิจไม่ว่าจะเป็นแนวดิ่ง (Vertical Growth) เช่นการขยายธรกิจโดยการขยายไปยัง Downstream หรือ Upstream ก็ตาม หรือขยายไปทางแนวนอน (Horizonal Growth) และยังรวมถึงกลยุทธ์แบบ Blue-Ocean ด้วย (สินค้าใหม่ ตลาดใหม่)
การเติบโตแบบ Non-organic ที่พบเห็นได้บ่อยๆ คือ การเติบโตโดยวิธีควบรวมกิจการ (M&A) วิธีนี้บริษัทจะซื้อกิจการเพื่อนำงบการเงินมารวมกัน (หรือบันทึกส่วนแบ่งกำไร แล้วแต่กรณีว่าถือแบบร่วมหรือย่อย) วิธีนี้จะว่าไปก็เหมือนกับการเติบโตแบบหลอกๆ ได้เหมือนกันหากไม่วิเคราะห์ให้ดี เพราะบริษัทที่ซื้อมายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย แต่งบการเงินของบริษัทแม่ก็โชว์ว่า มีกำไรเพิ่มขึ้นได้แล้ว บางทีปีที่ไปซือก็โชว์กำไรเพิ่มก้าวกระโดดจากกำไรต่อรองจากการซื้อ

การเติบโตแบบ Organic Growth นั้นคล้ายกับ Sustainable Growth แต่ในด้านของ Sustainable Growth จะเน้นด้าน Capital Structure การเติบโตนี้ต้องรักษาระดับ D/E ให้คงที่เสมอ แต่ใน Organic Growth ไม่พูดถึง แต่ก็ไม่ใช่การขยายธุรกิจด้วยการก่อหนี้เพราะมุ่งใช้ทรัพยากรภายในที่มีอยู่ การก่อหนี้หรือเพิ่มทุน ถือเป็นการใช้ External Rsoursces จึงบอกว่าคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน ตรงที่ Organic Growth เน้นทางด้าน Assets Side ส่วน Sustainable Growth เน้นทางด้าน Financing Side

สำหรับนักลงทุนระยะยาวแล้ว การหาหุ้นที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว โดยเฉพาะแนวทาง VI แบบวอร์เรน บัฟเฟตต์ การหาหุ้นที่เติบโตแบบ Organic Growth สำคัญอย่างมาก แนวทางการหามูลค่าหุ้นด้วย EPV (Earning Power Value) ก็อยู่บนหลักคิดเรื่อง Organic Growth

Credit: https://www.facebook.com/sanpong.limthamrongkul