เพื่อนๆ หลายคนอาจจะเคยสงสัยว่าหุ้นบางตัวทำไม p/e ต่ำมาก
แต่เมื่อซื้อไปแล้ว ราคาหุ้นก็ไม่ไปไหน บางตัวอาจจะต่ำกว่าพื้นฐานจริงๆ
แต่หลายๆ ตัวอาจจะซื้อขายอยู่ในระดับราคาที่เหมาะสมแล้ว เพราะตัวที่กำหนด p/e
ปัจจัยหนึ่งคือ “ คุณภาพของกำไร ” ครับ
คุณภาพของกำไรจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยดังนี้ครับ
ปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพของกำไรยังมีประเด็นปลีกย่อยอยู่ บ้าง และผมอาจจะเสริมอีกที หวังว่ากระทู้นี้คงจะเป็นคำตอบสำหรับคำถามที่ว่า ทำไมหุ้นบางตัว p/e ต่ำแต่ไม่น่าซื้อ หรือหุ้นบางตัว p/e สูงแต่ทำไมยังขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ครับ
Credit: ThaiVI
- แนวโน้มของความสม่ำเสมอของกำไร หุ้นบางตัวอาจจะมีกำไรดีเพียงปีใดปีหนึ่ง หรือชั่วครั้งชั่วคราว
และมีผลการดำเนินงานย้อนหลังไม่สม่ำเสมอ เช่น บางปีกำไรน้อย บางปีกำไรมาก
หรือบางปีขาดทุน บางปีกำไร หุ้นประเภทเหล่านี้มีคุณภาพของกำไรต่ำครับ
หุ้นเหล่านี้มักจะเป็นหุ้นวัฎจักร
ที่มีผลการดำเนินงานขึ้นลงตามรอบของราคาผลิตภัณฑ์
หรือเป็นหุ้นที่มียอดขายแปรผันตามเศรษฐกิจมากๆ
หรืออาจจะเป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์สูง เช่น
หุ้นที่ต้องใช้แร่ธาตุเป็นสัดส่วนสูงในการผลิต
หรือหุ้นการเกษตรที่กำไรในแต่ละปีมีความสัมพันธ์กับราคาวัตถุดิบ ดินฟ้าอากาศ
หรือโรคระบาด
หุ้นเหล่านี้ถือว่ามีคุณภาพของกำไรต่ำครับ
ส่วนหุ้นที่มีคุณภาพของกำไรสูง คือหุ้นที่มีความสม่ำเสมอและต่อเนื่องของกำไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากกำไรสามารถเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอด้วย หุ้นเหล่านี้มักจะเป็นหุ้นที่มีความนิยมในตัวแบรนด์ หรือผลิตภัณฑ์สูงและลูกค้ามักจะมีการซื้อซ้ำ หรือมีต้นทุนในการswitching ไปใช้สินค้าคู่แข่งสูง นอกจากนี้ยังรวมถึงหุ้นที่มีฐานรายได้มั่นคงจากการให้เช่า ซึ่งหมายความว่าหากลูกค้าเดิมยังอยู่ รายได้ในปีนี้จะเป็นฐานของปีต่อไป และหากมีลูกค้าเพิ่มหรือมีการขยายก็จะทำให้ฐานรายได้เพิ่มขึ้นไปตลอด - รูปแบบการรับรู้รายได้ หุ้นบางตัวมีการเพิ่มขึ้นของรายได้และกำไรสูง แต่รายได้ทั้งหมดเป็นลูกหนี้การค้า คือ ให้เครดิตกับลูกค้า หุ้นประเภทนี้มีแนวโน้มที่จะมีคุณภาพของกำไรต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากระยะเวลาที่ให้เครดิตกับลูกค้านานกว่าระยะเวลาการได้ รับเครดิตจากเจ้าหนี้การค้าด้วย ( A/R day ต่ำว่า A/P day ) หุ้นประเภทเหล่านี้เวลารายได้เพิ่มขึ้นจะต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนสูง และมีความเสี่ยงจากการเกิดหนี้สูญในอนาคตด้วย นอกจากนี้ หากหุ้นดังกล่าวมี net margin คืออัตรากำไรเทียบยอดขายต่ำ ก็จะยิ่งทำให้คุณภาพของกำไรแย่ลงไปอีก เนื่องจากแสดงว่าการจะได้มาซึ่งกำไรเพิ่มขึ้น 1 บาท จะต้องใช้ยอดขายเพิ่มจำนวนมาก ซึ่งต้องหมายความว่าจะใช้เงินทุนหมุนเวียนสูงกว่าหุ้นที่มี net margin สูง หุ้นที่มีการรับค่าสินค้าและบริการเป็นเงินสด หรือจากแหล่งที่มีความน่าเชื่อถือสูง เช่น จากผู้ให้บริการบัตรเครดิต จะเป็นหุ้นที่มีคุณภาพของกำไรสูงกว่า
- หุ้นที่ต้องการใช้เงินลงทุนสูงในการเพิ่มกำไร ธุรกิจบางประเภท
หากต้องการเพิ่มกำไร จะต้องมีการลงทุนใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
ซึ่งทำให้กำไรที่ได้ในปีปัจจุบันจะต้องถูกเก็บไว้สำหรับลงทุนใหม่ๆ
ตลอดเวลาเพื่อเพิ่มยอดขาย หุ้นเหล่านี้มักจะเป็นหุ้นที่เรียกว่า capital
intensive ถือว่ามีแนวโน้มของคุณภาพกำไรที่ต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
หากเป็นธุรกิจที่การขยายโครงการให้ผลตอบแทนโดยวัดจาก IRR หรือ ROA ไม่สูงนัก
เมื่อผลตอบแทนจากการลงทุนต่ำ
ก็จะทำให้ต้องใช้เงินทุนสูงในการสร้างกำไรที่เพิ่มขึ้น 1 หน่วย
หุ้นดังกล่าวมักจะต้องมีต้นทุนคงที่เพิ่มขึ้นเพื่อที่จะทำให้กำไรเพิ่มขึ้น
ดังนั้นหุ้นประเภทนี้หากรายได้ลดลงเมื่อไหร่กำไรจะลงเร็วมากเพราะต้นทุนคง
ที่ที่เพิ่มขึ้นไปแล้วจะไม่ลดลง หุ้นประเภทดังกล่าวมักจะต้องมีเงินกู้ระดับสูง
ตลอดเวลา
จึงทำให้มีความเสี่ยงทางการเงินสูง นอกจากนี้จะส่งผลต่ออัตราการจ่ายเงิน ปันผลด้วย
กล่าวคือ หุ้นประเภทดังกล่าวมักจะมี p/e ต่ำแต่มี dividend yield ต่ำเช่นกัน
หุ้นประเภทดังกล่าวมักจะเป็นหุ้นโรงงานอุตสาหกรรมที่ผลิตสินค้าที่ไม่มีแบ
รนด์ของตัวเอง
หุ้นที่มี
คุณภาพของกำไรที่ต่ำมากไปอีกคือหุ้นที่จะต้องมีการลงทุนตลอดเวลาเพื่อรักษา
รายได้และกำไรให้คงที่
หุ้นประเภทนี้มักจะเป็นหุ้นที่กระบวนการผลิตมีการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เร็วมาก
ดังนั้นหุ้นประเภทดังกล่าวนอกจากกำไรจะแทบไม่เพิ่มแล้ว
ปันผลก็จะอยู่ในระดับต่ำตลอดเวลา
นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากการลงทุนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงหรือก้าวตาม
เทคโนโลยีไม่ทันอีกด้วย
หลายคนอาจจะนึกไม่ถึงว่าหุ้นธนาคารก็เป็นหุ้นที่มีคุณภาพของกำไรค่อนข้างต่ำ กล่าวคือ ปัจจุบันธนาคารมีต้นทุนเงินฝาก 2% โดยประมาณ และปล่อยกู้ได้เฉลี่ย 6% ดังนั้นผลตอบแทนของสินทรัพย์หลังหักค่าใช้จ่ายจะอยู่ประมาณ 3% ดังนั้นการที่ธนาคารจะมีกำไรเพิ่มขึ้น 3 บาท จะต้องเพิ่มสินทรัพย์ถึง 100 บาท โดยสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นก็มีความเสี่ยงด้วยเพราะเป็นลูกหนี้ธนาคาร ดังนั้นก็เท่ากับว่าหากลูกหนี้ 100 บาทที่เพิ่มมานั้นสามารถชำระได้เพียง 50 บาท ก็เท่ากับว่าธนาคารต้องทำงานเพื่อชดเชยเงินให้กู้ที่หายไปถึง 16 ปี
หุ้นที่มีคุณภาพของกำไรสูงคือ หุ้นที่สามารถเพิ่มรายได้และกำไรโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มหรือลงทุนค่อนข้าง น้อยเมื่อเปรียบเทียบกับรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้น
ปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพของกำไรยังมีประเด็นปลีกย่อยอยู่ บ้าง และผมอาจจะเสริมอีกที หวังว่ากระทู้นี้คงจะเป็นคำตอบสำหรับคำถามที่ว่า ทำไมหุ้นบางตัว p/e ต่ำแต่ไม่น่าซื้อ หรือหุ้นบางตัว p/e สูงแต่ทำไมยังขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ครับ
Credit: ThaiVI