วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556

จอห์น เนฟฟ์ “ชาวสวน” ตัวพ่อ



โดย Club VI
จอห์น เนฟฟ์ เป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าและผู้จัดการกองทุนรวมชื่อดังที่สุดคนหนึ่งของโลก ตลอดระยะเวลา 31 ปี ที่บริหารกองทุนวินเซอร์ เขาทำผลตอบแทนได้เฉลี่ย 13.7% ต่อปี เอาชนะ S&P 500 ที่ให้ผลตอบแทน 10.6% กว่า 3% แต่ที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักดีที่สุด คือความชอบลงทุนแบบ “สวนกระแส” จนหลายคนมองว่าเนฟฟ์คือ “ชาวสวน” หรือ “The Contrarian” พันธุ์แท้ แห่งโลกของการลงทุน
เนฟฟ์ เกิดเมื่อปี 1931 ที่รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา เขาเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง จนถูกครูมองว่าหัวแข็ง และมักมีเรื่องกับคนอื่นอยู่เสมอ เนฟฟ์บอกว่า เขาไม่เคยโอนอ่อนผ่อนตามหากต้องโต้เถียงกับผู้มีอำนาจ แม้แต่แม่ของเขายังบอกว่า เนฟฟ์น่าจะไปเป็นนักกฎหมาย เพราะเป็นคนที่เถียงได้ทุกเรื่อง แม้กระทั่งกับป้ายบอกทาง แต่บุคลิกนี้กลับเป็นรากฐานสำคัญแห่งการลงทุนของเขาในเวลาต่อมา
ประสบการณ์ในการมองหาคุณค่าของเนฟฟ์เกิดขึ้นจากการเล่นการ์ดเบสบอลกับเพื่อนตอน ป.5 เนฟฟ์สังเกตว่าเด็กคนอื่นมักซื้อการ์ดโดยหวังว่าจะขายได้ในราคาสูงกว่าที่ซื้อมา แต่สุดท้ายแล้ว การ์ดใบไหนที่ราคาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ราคาก็จะตกลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน  
เมื่ออายุ 18 เขารับจ็อบโดยทำงานกับบริษัทขายอุปกรณ์เครื่องกลให้กับบริษัทของพ่อ ซึ่งทำให้เขาได้เรียนรู้ว่าธุรกิจน่าเบื่อๆ ก็สามารถทำเงินได้มากมาย ในปีต่อมา เนฟฟ์เข้ารับราชการทหารในสังกัดกองทัพเรือ และได้สั่งสมความรู้ความชำนาญในเรื่องที่ไม่ใช่การรบหรืออาวุธยุทโธปกรณ์ใดๆ แต่เป็นเรื่องของเกมโป๊กเกอร์ที่เขาและเพื่อนทหารใช้เล่นฆ่าเวลา เนฟฟ์พบว่าคนที่เล่นโป๊กเกอร์เก่งที่สุด คือคนที่เข้าใจเรื่องของโอกาสและความน่าจะเป็น ไม่หลงใหลไปกับเงินก้อนโต หากไม่ใช่โอกาสที่ดีจริงๆ
หลังจากถูกเกณฑ์ทหารอยู่ 2 ปี เนฟฟ์กลับมาเรียนที่มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น รีเสิร์ฟ และได้ปริญญาในสาขาการเงินและการธนาคาร พบเรียนจบ เขาได้เข้าทำงานที่ธนาคารเนชั่นแนล ซิตี้ ออฟ คลีฟแลนด์ ตำแหน่งนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เขาก้าวหน้าในสายงานอย่างรวดเร็ว ก่อนจะย้ายไปทำงานกับกลุ่มบริษัทแวนการ์ด โดยเป็นนักวิเคราะห์ของกองทุนวินเซอร์ และได้บริหารกองทุนขณะอายุเพียง 33 ปี
เนฟฟ์ได้เข้าไปเปลี่ยนแปลงกองทุนวินเซอร์ที่กำลังประสบปัญหา โดยขายหุ้นห่วยๆ ทิ้ง และคัดเอาหุ้นคุณภาพมาไว้ในพอร์ต เขาใช้เวลา 31 ปี ทำให้เงินลงทุน 1 เหรียญ ในปี 1964 กลายเป็น 56 เหรียญ ในปี 1995 ซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมเมื่อเทียบกับดัชนี S&P 500 ที่การลงทุน 1 เหรียญ จะกลายเป็น 22 เหรียญ ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน
หลักการลงทุนของเนฟฟ์ที่น่าจดจำเอาไปใช้ คือการรู้จักเลือกหุ้นที่ P/E ต่ำๆ อย่างชาญฉลาด (เนฟฟ์น่าจะเป็นนักลงทุนระดับโลกที่ให้ความสำคัญกับค่า P/E มากที่สุดคนหนึ่ง) โดยเลือกซื้อหุ้นแบบ “สวนกระแส” ไม่แคร์สื่อ โดยซื้อหุ้นที่คนส่วนใหญ่ไม่สนใจ หุ้นที่โลกลืม
ที่น่าสนใจคือ เนฟฟ์มีเงื่อนว่าบริษัทที่เขาลงทุน กำไรต้องโตอย่างน้อย 7% แต่ไม่เกิน 20% เพราะถ้าเกินกว่านั้นจะมีความเสี่ยงมากเกินไป โดยเขามักทำนายการเติบโตของกำไรไปข้างหน้า 5 ปี
นอกจากนี้ เนฟฟ์ยังให้ความสำคัญกับปัจจัยเชิงคุณภาพไม่แพ้กัน เขาเน้นย้ำว่า เราต้องเข้าใจบริษัทที่จะเข้าลงทุนอย่างถ่องแท้ โดยเข้าตรวจสอบกิจการว่าโรงงานเป็นอย่างไร สินค้าเป็นอย่างไร บริการเป็นอย่างไร มีตำแหน่งทางการตลาดเป็นอย่างไร รู้จักตั้งคำถามต่อผู้บริหารและฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ ทั้งหมดนี้เป็นไปตามหลัก “การล้วงลึก” ของฟิลิป ฟิชเชอร์ ปรมาจารย์การลงทุนอีกท่านหนึ่ง
ที่สำคัญคือ บริษัทที่เข้าลงทุนต้องมีศักยภาพในการเติบโต อย่าไปลงทุนในธุรกิจที่อยู่ในขาลง โดยในพอร์ตโฟลิโอต้องมีหุ้นอยู่ไม่มากจนเกินไป อย่าเปลี่ยนตัวหุ้นบ่อย และหลีกเลี่ยงอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วซึ่งนอกจากจะเข้าใจได้ยากแล้วยังคาดการณ์ได้ยากด้วย
 เสน่ห์ในการลงทุนของเนฟฟ์ คือเขาใช้วิธีลงทุนที่ดู “ง่าย” จนไม่น่าเชื่อ คติประจำตัวของเขาคือ “ทำให้ง่ายเข้าไว้” แต่ทั้งหมดอยู่บนรากฐานของความเชื่อมั่นในตัวเอง มีความกล้าหาญที่จะยืนหยัดในแนวทางของตน ในเวลาที่คนในตลาดพากันแห่ตามกระแสไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง อย่าสนใจหุ้นสุดฮ็อตที่ใครๆ กำลังคลั่งไคล้ อย่าสนใจชาร์ตเทคนิค ซึ่งทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างดงามในการลงทุน 
ตลอด 31 ปีในการลงทุน เนฟฟ์เอาชนะตลาดได้ถึง 25 ปี ก่อนที่เขาจะเกษียณตัวเองในปี 1995 เนฟฟ์เล่าว่า ในวัยเด็ก แม่เคยบอกว่าเขา “เถียงได้ทุกเรื่อง” ถึงวันนี้ เขาภูมิใจที่ตัวเองได้มาทำงานในสายการลงทุน และ “เถียง” กับตลาดหุ้นมาตลอด 31 ปี โดยเป็นฝ่ายชนะเสียเป็นส่วนใหญ่  
และนี่คือเรื่องราวของสุดยอด “ชาวสวนตัวพ่อ” แห่งวงการลงทุนโลก นามว่า “จอห์น เนฟฟ์”
ข้อมูลอ้างอิง – Wikipedia, John Neff on Investing, The Great Investors
ภาพประกอบ – ของ Vanguard Windsor Fund