[สรุปคลิป] .. “เปิดประสบการณ์ตามหาหุ้นตัวแรก กับ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร”
ควาวยาวคลิปเต็ม ๆ เกือบ 2 ชม. (ถ้าใครมีเวลาว่าง ๆ ดูเต็ม ๆ ก็จะดีกว่านะครับ)
แต่ถ้าขี้เกียจดู .. ผมจะสรุปย่อ ๆ เอาเฉพาะที่สำคัญ ๆ ที่ผมพอจะจับใจความได้มาลองให้อ่านดูครับ
- นักลงทุนหน้าใหม่ ที่เพิ่งเข้ามาเริ่มลงทุนในตลาดฯ ช่วงเวลานี้ (ช่วง SET 1,400 – 1,600 จุด) .. ถ้าเป็นมนุษย์เงินเดือน อายุยังน้อย หรือ วัยเริ่มต้นทำงาน .. ดร.นิเวศน์ แนะนำให้นำเงินออม มาลงทุนในหุ้น 100% ได้เลย .. เพราะว่า จำนวนเงินในตอนนี้เพียงแค่หลักหมื่น หรือ หลักแสน มันเล็กน้อยมาก ๆ สำหรับตลาดหุ้น สามารถขาดทุนได้ (ถ้ากำไร ก็ดีไป .. แต่ถ้าขาดทุน ให้ถือซะว่า เป็นประสบการณ์ เป็นค่าเล่าเรียน)
- หลักการเลือกหุ้นแบบง่าย ๆ ที่คนธรรมดา ๆ ทั่ว ๆ ไปใครก็ทำได้ (ไม่ต้องไปดู PE หรือ อัตราส่วนทางการเงินอะไรมากมาย เพราะ มือใหม่ยังวิเคราะห์ไม่เป็น ดูไป วิเคราะห์ไปก็ปวดหัว) .. คือ การเลือกลงทุนในหุ้นของบริษัทที่เป็น “ผู้นำ , ผูกขาด , เติบโตทุกปี , จ่ายเงินปันผลทุกปี , คู่แข่งสู้ไม่ได้ , เป็นธุรกิจที่เราสามารถพบเห็นได้ หรือ คุ้นเคยกับสินค้า/บริการ ได้ง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน”
- เวลาเราลงทุน ให้เราดูเฉพาะหุ้นที่เราลงทุน .. ไม่ต้องไปดู SET .. หรือ ไม่ต้องไปดูข่าวสารต่างประเทศอะไรมากนัก เพราะผลกระทบต่อบริษัทที่เราถือหุ้นอยู่ มันแทบไม่มีเลย .. เช่น วิกฤติ กรีซ , วิกฤติไซปรัส , การปรับอัตราดอกเบี้ย .. อะไรทั้งหลายแหล่ จริง ๆ แล้ว บางสิ่ง บางอย่าง แล้วมันไกลตัวเรามาก ๆ แทบจะไม่ต้องไปสนใจเลย .. เพราะบริษัทที่เราซื้อหุ้น ทำธุรกิจในประเทศไทย ลูกค้าของบริษัทเราเป็นคนไทย สินค้า/บริการ ยังขายได้ดีสำหรับคนไทย นั่นคือ คุณยิ่งควรถือหุ้นต่อไป .. ไม่ต้องไปกังวลกับวิกฤติต่างประเทศ หรือ ข่าวบ้าบอ อะไรต่าง ๆ ให้มากนัก (ถ้ามันไม่ได้กระทบกับบริษัทที่เราถือหุ้นอยู่โดยตรง)
- ดร.นิเวศน์ ให้ความเห็นว่า .. สภาพตลาด ณ. ปัจจุบัน (1,400 – 1,600 จุด) .. เป็นช่วงการ “เก็งกำไร” มากกว่า “ลงทุนระยะยาว”
- ดร. ยังให้ความเห็นเพิ่มเติมอีกว่า .. สภาพตลาดในตอนนี้ “น่ากลัว และ หวาดเสียวมากกกก” …. ถ้าตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นไปถึง 1,770 จุดเมื่อไหร่ .. ดร. จะพยามขายหุ้นในพอร์ตทิ้ง .. คือ อาจจะไม่ได้ล้างพอร์ต แต่จะขายทำกำไรเป็นส่วนใหญ่ .. (แต่ถ้าถึง ตอนนั้นจริง ๆ ดร. อาจจะไม่ขายเลยก็ได้ เพื่อน ๆ ก็ไปเดากันเอาเองล่ะกัน หุ หุ)
- แล้วสภาพตลาดฯ ตอนนี้ สามารถซื้อหุ้นได้มั๊ย .. ดร. ให้ความเห็นว่า .. ตอนนี้ ไม่ว่าจะหุ้นดี หรือ หุ้นเน่า ราคาก็สูงมาก หรือ แพงมาก .. สรุป คือ ถ้าอยากจะซื้อหุ้นช่วงนี้ ก็ซื้อได้ แต่ต้องเน้นบริษัทที่ดีมาก ๆ และ มั่นคงมาก ๆ ราคาอาจจะแพงไปซักหน่อย ซึ่งเราก็ต้องยอมซื้อ .. แต่ในระยะยาวแล้ว เราก็มีกำไรแน่ ๆ อาจจะไม่ได้มากมายนัก แต่ก็คือ กำไร .. แต่ถ้าคุณไปซื้อหุ้นราคาถูก ๆ หรือ หุ้นเน่า ๆ .. ก็เตียมตัว “เจ็บยาว” ได้เลยครับ
- เรื่องกระแสของการปันผลเป็นหุ้น .. บางบริษัทที่มีการขยายงานมาก ๆ และ จำเป็นต้องการเก็บเงินสดไว้ขยายงาน การปันผลเป็นหุ้น ก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับตอบแทนผู้ถือหุ้น .. แต่ก็จะมีอีกหลาย ๆ บริษัท ที่เห็นว่า การปันผลเป็นหุ้น มีผลทำให้ได้รับความนิยม และ ราคาหุ้นก็ “อาจจะ” ปรับตัวสูงขึ้น จึงได้มีการจ่ายปันผลเป็นหุ้นออกมา .. ซึ่งจริง ๆ แล้ว บริษัทนั้น อาจจะไม่มีการขยายงาน หรือ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บเงินสดไว้มากขนาดนั้น และ การปันผลเป็นหุ้น ก็เป็นการปันผลมา “หลอกล่อ” ผู้ถือหุ้น .. ซึ่งอันนี้ ก็ต้องพิจารณากันให้ดี
- หุ้นเติบโต หรือ หุ้น Super Stock (ถ้าคุณหาเจอ) .. ราคาที่ซื้อตอนนี้ อาจจะแพงเวอร์มาก ๆ แต่ในระยะยาวแล้ว ถ้าบริษัทยังโตได้ และ ทำกำไรเพิ่มได้ทุกปี .. ก็สมควรยอมจ่ายแพง ซื้อเก็บเอาไว้ เพราะในระยะยาว หุ้น Super Stock “แพงในวันนี้ แต่จะถูกในวันหน้า”
- ดร.นิเวศน์ ได้ยกตัวอย่าง หุ้น ซาร่า ของประเทศสเปน .. ถึงแม้เศรษฐกิจของสเปนจะล้มคลืน ตลาดหลักทรัพย์ของสเปนร่วงถล่มลงมาจนแทบจะล้มละลาย .. แต่หุ้นซาร่า แทบจะไม่เป็นอะไรเลย อาจจะมีลงมาบ้าง แต่ก็ลงไม่นาน แล้วก็กลับขึ้นไปอีก และ ราคาหุ้นก็ยิ่งขึ้น ๆ ไปเรื่อย ๆ เพราะบริษัทนี้ สินค้าขายดีมาก ๆ กำไรเพิ่มทุกปี .. ถึงแม้เศรษฐกิจของสเปนจะตกต่ำถึงขั้นวิกฤติ แต่บริษัทนี้ ตราบใดที่ยังขายสินค้าได้ ราคาหุ้น ก็จะปรับตัวขึ้นได้ในระยะยาว
- ดร. ยังได้ยกตัวอย่างหุ้นในพอร์ตอีกตัว (ผมเดาว่า ต้องเป็น CPALL แน่นอน) .. ดร. ซื้อมาที่ทุน 8-9 บาท .. บริษัทก็โตทุก ๆ ปี .. กำไรก็เพิ่มมากขึ้นทุก ๆ ปี .. ราคาหุ้นก็ปรับเพิ่มสูงขึ้นทุก ๆ ปี .. เฉลี่ยแล้ว ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นถึงปีละ 20-30% .. ตอนราคา 20 บาท ก็มีแต่คนบ่นแพง .. พอราคาหุ้น 30 บาท ก็ยิ่งบอกว่า แพงมาก ซื้อเข้าไปได้ไง .. พอราคาหุ้น 40 บาท ก็มีแต่คนบอก โง่รึป่าว ซื้อหุ้นตัวนี้ PE สูงขนาดนี้ ราคานี้ ซื้อเข้าไปได้ไง .. แต่ดูความเป็นจริงสิ .. ราคาหุ้น มันปรับเพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี แล้วบริษัทก็โตได้ตลอดทุกปี .. ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ซื้อหุ้น Super Stock ตัวนี้
- เวลาเราอายุมากขึ้น บางทีเราก็ไม่ได้ติดตามข่าวสาร หรือ เทคโนโลยีอะไรมากมาย .. ไอ้ครั้นจะไปตามดูหุ้นตัวใหม่ ๆ ก็ไม่มีข้อมูลอะไรมาก .. วิธีที่ง่ายอีกวิธีในการค้นหาหุ้นที่กำลังจะ “เกิด” ก็คือ .. ดูจากเทรนด์ของ ลูก ๆ หลาน ๆ หรือ วัยรุ่น ทั่ว ๆ ไปนี่แหละ .. ว่าสินค้า หรือ บริการอะไรที่เด็ก ๆ เหล่านี้ ต้องซื้อ หรือ ต้องการมาก ๆ .. หรือ อะไรที่กำลังเป็นนิยมสำหรับเด็ก ๆ และ วัยรุ่นสมัยใหม่ .. นั่นอาจจะเป็นอีก Keyword นึง ที่จะช่วยให้เราค้นหา Super Stock ได้เร็วขึ้น .. เพราะการดูกระแส หรือ ดูเทรนด์ คนรุ่นใหม่ ๆ จะทำให้เราทราบถึงเทรนด์ในอนาคตได้ง่าย ๆ เพราะวัยรุ่น หรือ คนรุ่นใหม่ คนกลุ่มนี้เป็นพวกมองอนาคต ตามเทรนด์ ตามโลก ทันสมัย .. ฉะนั้น ถ้าคุณจับกระแสของคนรุ่นใหม่ได้ คุณก็รวยจากหุ้นได้ง่าย ๆ เหมือนกัน
- ดร. ยกตัวอย่างหุ้นตัวนึง (ผมเดาว่าเป็นหุ้น IT ) .. ตอนแรกเนี่ย คอมพิวเตอร์กำลังเป็นเทรนด์ที่มาแรงมาก ๆ ทุก ๆ บ้านต้องมีคอมพิวเตอร์ .. แล้วเผอิญบริษัทนี้ ดันทำธุรกิจคล้าย ๆ Modern Trade คือ ขยายสาขาไปเรื่อย ๆ เป็นผู้นำ แล้วก็ขายสินค้าหลักคือ อุปกรณ์ IT และ คอมพิวเตอร์ ดูแล้วอนาคตสดใสมาก ๆ .. แต่หลังจากนั้น ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมานี้ .. ดร. พบว่า กระแสของคอมพิวเตอร์มันตกลงไปมากแล้ว อีกทั้งการมาถึงของ Smart Phone และ Tablet ที่เปลี่ยนรูปแบบในการใช้ชีวิตของคนสมัยใหม่ .. ทำให้ ดร. จำเป็นต้องขายหุ้นบริษัทนี้ทิ้ง โดยที่ไม่ต้องดูราคาเลยว่าจะกำไร หรือ ขาดทุนเท่าไหร่ .. เพราะ “พื้นฐานเปลี่ยนแล้ว” (จริง ๆ แล้ว พื้นฐานบริษัทไม่เปลี่ยนหรอก แต่สินค้าของบริษัทนี้ ไม่สามารถขายได้แล้ว หรือ ไม่เป็นที่นิยมอีกต่อไป .. สู้คู่แข่งที่เป็น Smart Phone และ Tablet ไม่ได้เลย)
- ดร. ย้ำเสมอว่า .. ให้ซื้อหุ้นที่เป็น ผู้นำ , เป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรม , ผูกขาด , ไร้คู่แข่ง .. ถึงแม้ราคาหุ้นจะขึ้น ๆ ลง ๆ ไปบ้าง .. ในระยะยาวแล้ว ควรถือให้ยาวนานที่สุด “ห้ามขายเด็ดขาด” .. นอกเสียจากว่า บริษัทนั้น จะไม่ได้เป็นผู้นำอีกต่อไป .. หรือ มีคู่แข่งที่เริ่มจะ “ตีตลาด” สู้กับบริษัทเราได้ หรือ มีโอกาส “ล้มช้าง” กรณีแบบนี้ ถึงค่อยจะพิจารณาขายหุ้น
- ดร. ยังยกตัวอย่างกรณีหุ้น Apple และ Samsung .. Apple ในตอนแรก ๆ เนี่ยแทบจะไม่มีคนใช้สินค้าเลย หรือ มีแต่ก็น้อยมาก เครื่อง Mac เป็นอะไรที่ใช้งานยาก และ ยากต่อการเข้าถึงของคนส่วนใหญ่ .. ต่อมา Apple ได้ผลิต iPod .. นี่แหละ คือ จุดเปลี่ยนของหุ้น Apple นับตั้งแต่ที่ iPod เริ่มวางจำหน่าย และ กระแสของเครื่อง MP3 กำลังมาแรง .. ทำให้ราคาหุ้น Apple ค่อย ๆ ปรับตัวสูงขึ้น จนกระทั่งถึงช่วงพีคสุดขีด นั่นคือ การออก iPhone สู่ตลาด .. และตั้งแต่ iPhone ตัวแรก จนถึง 4S และ iPad ทั้งหลาย ทำให้ Apple เป็นบริษัทที่มี “มูลค่าสูงที่สุดในโลก” .. แต่ปัจจุบันนี้กลับตรงกันข้าม .. คู่แข่งอย่าง Samsung ที่พัฒนา Smart Phone และ Tablet ของตัวเองจนตอนนี้เรียกได้ว่า “ล้ำหน้า” กว่าคู่แข่งอย่าง Apple แล้ว .. เด็กรุ่นใหม่ ๆ ส่วนใหญ่แทบจะพูดถึงแต่ Galaxy พูดถึงแต่ Samsung เพราะ iPhone ใช้ยาก และ ไม่มีนวตกรรมที่โดดเด่นเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว .. จนตอนนี้ ทำให้ราคาหุ้นของ Samsung ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และ ราคาหุ้นของ Apple ก็ค่อย ๆ ปรับตัวลดลงสวนทางกับคู่แข่งนั่นเอง
- ช่วงหุ้นขาลง จะดูยังไงว่าเมื่อไหร่ ควรจะเข้าซื้อ .. ดร. ให้ความเห็นว่า ปกติแล้ว ดร. จะดูสัญญาณจาก Volume เป็นหลัก .. คือ ถ้าดู ๆ แล้ว มีแต่คนกลัวหุ้น หรือ Volume ไม่มีเลย .. คือ ไม่มีคนซื้อหุ้นเลย .. ทุกคนไปทำงาน ทำการของตัวเอง .. หรือ บอกให้หลีกเลี่ยงตลาดหุ้น หรือ ไม่คิดว่า ตลาดหุ้น จะทำเงินได้อีกต่อไป .. เมื่อนั้นแหละ คือ “สัญญาณที่ดี ในการเข้าซื้อหุ้น” (ซึ่งผมคิดว่า อาจจะต้องใช้เวลานานมาก กว่าจะถึงวันนั้น หรือ ชั่วชีวิตนี้ คุณอาจจะไม่ได้เห็นวันนั้นอีกเลย ก็ต้องลองวัดใจดู)
- ช่วงตอบคำถาม มีคนถามถึงหุ้น Facebook .. ดร. ให้ความเห็นว่า ถึงแม้ช่วง IPO จนถึงตอนนี้ กระแสของหุ้น Facebook จะไม่ค่อยเป็นที่นิยมซักเท่าไหร่่ เพราะราคา IPO ถือว่าแรง และ แพงมาก .. และ ราคาหุ้นของ Facebook ก็ปรับตัวลดลง ไม่ว่าจะหาโฆษณาไม่ได้ หรือ Facebook ไม่ได้มีลักษณะเด่นอะไรก็แล้วแต่ .. แต่ถ้าปัจจุบัน ยังคงมีคนใช้ Facebook อยู่ แล้วมีอัตราการเติบโตของผู้ใช้ที่มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วคู่แข่งสำคัญ ๆ ก็แทบไม่มี (ไร้คู่แข่ง) .. แบบนี้ ก็น่าลุ้นเข้าไปซื้อหุ้น โดยที่ไม่ต้องดูอะไรมาก คือ ซื้อหุ้นได้เลย .. เพราะยังไง Social Network ตอนนี้ Facebook ก็ยังคงเป็นอันดับ 1 และ “เป็นผู้ชนะ” ของธุรกิจนี้ต่อไป
- ช่วงตอบคำถาม หุ้น Susco .. ดร. ให้ความเห็นไว้ว่า .. Susco ที่ทำธุรกิจน้ำมันเนี่ย .. ไม่ได้มีจุดเด่นอะไรเลย .. สู้ ปตท. ไม่ได้ .. สรุปคือ Susco ในความเห็น ดร. ไม่ใช่การลงทุนที่ดี (สำหรับ ดร. นะครับ) .. เพราะสำหรับการลงทุนที่ดีในความหมายของ ดร. คือ .. บริษัทนั้น ต้องเป็นผู้นำ , ผูกขาด , คู่แข่งสู้ไม่ได้
- ช่วงตอบคำถามหุ้น ซาร่า .. มีคนถามประมาณว่า เรารู้ว่า ซาร่า คือ หุ้น Super Stock .. ถือยาวแล้วดี .. แล้วถ้ามีเงินมาเพิ่ม จะสามารถซื้อเพิ่มได้หรือไม่ (ซื้อถัวขาขึ้น) .. ดร. ได้ให้ความเห็นประมาณว่า ปกติ ถ้าเป็น ดร. จะเน้นซื้อหุ้นแค่ครั้งเดียวจบ คือ ลงเงินก้อนใหญ่ ตูมเดียวเลย แล้วถือยาว .. แต่ถ้าคิดว่าหุ้นยังโตได้อยู่ การเข้าซื้อเพิ่ม ก็ไม่ผิดแต่อย่างใด เพราะยังไง ก็กำไรอยู่ดี .. เพียงแต่ ดร. ไม่่ค่อยได้ซื้อเพิ่มซักเท่าไหร่
.. สรุป .. ประเด็นสำคัญ ๆ ย่อ ๆ อีกครั้ง .. ดร.นิเวศน์ ย้ำเสมอ ๆ ว่า .. ควรซื้อหุ้นบริษัทที่เป็น ผู้นำ , ผูกขาด , แข็งแกร่ง , ไร้คู่แข่ง , กำไรโตทุกปี , ปันผลทุกปี
ถ้าถามว่า แล้วสภาพตลาดฯ ณ. ปัจจุบัน ที่กระแสของหุ้น กำลังบูมสุดขีด .. เราจะเริ่มลงทุนซื้อหุ้นในช่วงนี้ได้หรือไม่ .. คำตอบ คือ ซื้อหุ้นได้ ถ้าคุณ “พอใจ” .. และไม่ต้องดู SET INDEX ให้มากนัก .. คือ ไม่ต้องไปสนใจว่าตลาดหุ้น จะขึ้นไปกี่จุด ลงกี่จุด .. สนใจเพียงแค่ว่า บริษัทที่เราซื้อหุ้น ธุรกิจมันยังเติบโตได้อยู่ บริษัทยังทำกำไรเติบโตได้ทุกปี .. ถ้าเจอหุ้นแบบนี้ ก็สามารถเข้าซื้อได้เลย โดยแทบจะไม่ต้องสนใจเลยด้วยซ้ำว่า ราคาหุ้น ณ. ตอนนี้ มันจะถูก หรือ แพง .. เพราะในระยะยาว บริษัทที่เติบโตมาก ๆ ก็จะทำให้ราคาหุ้นสูงขึ้นได้เรื่อย ๆ อย่างไม่มีสิ้นสุด